ในยุคนี้ การมีธุรกิจเป็นของตัวเองถือเป็นหนึ่งในความต้องการของใครหลาย ๆ คนเลยก็ว่าได้ แต่การสร้างธุรกิจหรือแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักก็ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างที่เป็นตัวตัดสินว่าธุรกิจนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เจ้าของธุรกิจต้องเริ่มคิดตั้งแต่กระบวนการหาสินค้าออกมาจำหน่าย ขั้นตอนการผลิต การสร้างแบรนด์ดิ้งให้เป็นที่น่าจดจำ และอีกหลาย ๆ อย่างเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ หากคุณยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหนก่อนดี วันนี้เรามีแนวคิดมาให้คุณเพื่อเริ่มต้นวางแผนในการทำธุรกิจ อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างไปดูกัน
อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ต้องเริ่มต้นอย่างไรบ้าง?
-
หาสินค้าสำหรับการสร้างแบรนด์
สิ่งสำคัญอันดับแรกในการเริ่มต้นทำธุรกิจของคุณก็คือมีสินค้าอยู่ในใจแล้ว หากไม่มีสิ่งนี้คุณจะไม่สามารถไปต่อได้เลยว่าขั้นตอนต่อไปจะต้องวางแผนอย่างไรดี โดยการหาธุรกิจสำหรับผู้เริ่มต้นนั้นเราอยากแนะนำให้คุณเริ่มหาจากสิ่งใกล้ ๆ ตัวก่อน มองหาปัญหาที่เกิดขึ้นหรือมองหาสิ่งที่คุณรักที่จะทำเพราะการเริ่มต้นจากศูนย์มักยากเสมอ หากคุณทำในสิ่งที่ไม่ได้ชอบหรือไม่ได้รักคุณก็จะอยู่กับสิ่งนั้นได้ไม่นาน สักพักก็อาจเริ่มท้อใจและเบื่อหน่ายไปกับมันได้ หากคุณรักสิ่งที่ทำรับรองว่าผลมันจะออกมาดีอย่างแน่นอน
-
มีสไตล์เป็นของตัวเอง
สินค้าหรือบริการของคุณต้องแสดงออกถึงตัวตนของเจ้าของแบรนด์ด้วยเพื่อให้เป็นที่จดจำ เมื่อลูกค้าเห็นปุ๊บก็จะรู้เลยว่าสินค้านี้เป็นของคุณอย่างแน่นอน อย่างเช่น ลายผ้าของ Marimekko เมื่อเราเห็นลายนี้ไม่ว่าจะบนเสื้อผ้า กระเป๋า หรือปลอกหมอนต่าง ๆ เราจะรู้ได้เลยว่าเป็นของแบรนด์นี้
-
ค้นหาความแตกต่างของสินค้า
ข้อนี้นับว่าสำคัญมาก ๆ เพราะสินค้าบนโลกนี้มีมากมายหลายประเภท การที่สินค้าของคุณจะโดดเด่นและเป็นที่น่าสนใจได้ต้องมีความแตกต่าง เช่น ธุรกิจร้านกาแฟหรือคาเฟ่คุณจะเห็นว่ามีอัตราการเติบโตมากขึ้นทุกปี ไปทางไหนก็เจอร้านคาเฟ่เต็มไปหมด แต่เหตุผลที่บางแบรนด์ได้รับความนิยมมากเพราะว่าเขามีความแตกต่าง ถึงแม้จะเปิดร้านคาเฟ่เหมือนกันก็จริงแต่จุดดึงดูดผู้คนก็แตกต่างกันไป บางร้านจุดเด่นอยู่ที่รสชาติ บางร้านก็ขายบรรยากาศหรือมุมถ่ายรูปที่แตกต่างตามธีมกันไป ยิ่งเราแตกต่างคนก็จะให้ความสนใจมากขึ้น
-
รู้กลุ่มเป้าหมาย
ในการสร้างแบรนด์คุณต้องรู้ก่อนว่าจะขายให้ใคร กลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร อายุเท่าไหร่ อาชีพอะไร เพราะไม่ว่าสินค้าของคุณจะดีแค่ไหน แต่หากไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายหรือขายผิดกลุ่มเป้าหมายก็จะทำให้แบรนด์เติบโตช้าหรืออาจจะไม่เติบโตเลยก็ได้
-
หาช่องทางการขายสินค้า
เมื่อคุณมีสินค้าแล้วคุณต้องรู้ว่าจะขายในช่องทางไหนบ้างเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากที่สุด เช่น หากจะขายทางออนไลน์จะมีแฟลตฟอร์มใดในการขายบ้าง Facebook, Instagram, Website หรือขายหน้าร้านก็ต้องลือกทำเลให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
-
รู้ลึกและรู้จริงเกี่ยวกับสินค้า
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจสักหนึ่งชิ้น คุณต้องรู้จักสินค้าของคุณดีที่สุด แต่ไม่ใช่แค่รู้จักดีเท่านั้นคุณต้องรู้จริงและรู้ลึก เพราะหากมีลูกค้าหรือตัวแทนจำหน่ายต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า คุณต้องตอบให้ได้และต้องตอบแบบคนที่รู้จริง ๆ เพราะหากลูกค้าได้รับคำตอบไม่ตรงกับคำถาม ลูกค้าอาจจะไม่เชื่อถือทำให้คุณอาจเสียลูกค้าไปได้
-
สำรวจตลาด
การสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่นั่งหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพียงเท่านั้น เพราะบางครั้งคุณก็ต้องลงสำรวจตลาดในพื้นที่จริงบ้างเพื่อไปดูว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใคร ต้องการอะไร มีปัญหาอะไรที่คุณจะสามารถเข้าไปช่วยแก้ไขได้บ้าง เพียงแค่คุณลองไปสังเกตุการณ์ดูคุณก็น่าจะพอเห็นไอเดียที่จะทำเงินได้บ้างแล้วล่ะ
-
มีทักษะการสื่อสารที่ดี
หากแบรนด์ดี สินค้าดี ทำการตลาดดี ถึงเวลาที่ลูกค้าสนใจและพร้อมจะจ่ายเงินให้กับคุณแล้ว แต่บางคนอาจจะมาตกม้าตายในขั้นตอนการสื่อสารพูดคุยกับลูกค้านี่แหละ หากคุณขายหน้าร้านแล้วลูกค้าเดินมาสอบถามแต่คุณมีทักษะการสื่อสารที่ไม่น่าฟัง ไม่น่าสนใจ ก็อาจจะพลาดโอกาสตรงนี้ไปได้ การฝึกพูดบ่อย ๆ จะช่วยให้ทักษะตรงนี้ดีขึ้น หรือหากคุณขายทางออนไลน์การใช้ภาษาที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ เช่น หากคุณพิมพ์ผิดว่า ‘สนไจสินค้าตัวไหนถามดั้ยนะค่ะ’ มันก็จะทำให้ความเป็นมืออาชีพดูลดลง
-
ปรึกษาหาความรู้กับคนเก่งอยู่เสมอ
หากคุณอยากเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ การอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นจะช่วยให้คุณสามารถขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจหรือข้อควรระวังในการทำธุรกิจได้บ้าง เพราะหลาย คนลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้ง การปรึกษาจากคนเก่ง ๆ จะช่วยให้เราลดความผิดพลาดในการดำเนินธุรกิจได้
-
มีความมั่นใจและไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรค
ความกลัว คือกำแพงที่กั้นไม่ให้คุณลองลงมือทำเพราะหากคุณมีแต่ความกลัว ไม่กล้าลองเสี่ยง คุณก็จะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าได้ลองลงมือทำแล้วโอกาสประสบความสำเร็จก็จะมีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นมาที่เหลือก็คือความรู้และความมั่นใจที่จะเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นแล้ว จงอย่ากลัว คิดแล้วเริ่มลงมือทำกันได้เลย อย่างน้อยหยิบกระดาษขึ้นมาจดว่าคุณจะขายอะไร ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นธุรกิจแล้ว
วิธีเลือกโรงงานให้เหมาะกับธุรกิจสำหรับมือใหม่
หากคุณมีสินค้าที่อยากขายอยู่ในใจแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นตอนของการเริ่มผลิตสินค้าในแบรนด์ของตัวเอง การหาโรงงานเพื่อผลิตสินค้าถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากเพราะเป็นตัวการันตีได้เลยว่าสินค้าคุณจะมีคุณภาพดีขนาดไหน ปลอดภัยหรือไม่ ตรงตามรูปแบบที่คุณต้องการหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับโรงงานที่คุณเลือกผลิตสินค้า โดยประเภทโรงงานจะมี 3 ประเภท คือ OEM, ODM และ OBM โดยคุณสามารถเลือกประเภทโรงงานตามความเหมาะสมของสินค้าคุณได้เลย เมื่อเลือกประเภทของโรงงานได้แล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาอื่น ๆ มีดังนี้
- สถานที่ผลิตของโรงงานได้มาตรฐานหรือไม่ โดยคุณสามารถดูได้จากใบรับรองต่าง ๆ อย่าง GMP หรือ ISO
- โรงงานดำเนินกิจการประเภทรับผลิตแบรนด์ให้กับลูกค้าอย่างเดียวหรือรับผลิตและสร้างแบรนด์ของตัวเองไปด้วย ซึ่งถ้าหากโรงงานนั้นมีการสร้างแบรนด์ของตัวเองไปด้วย คุณอาจจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะต้องมีการแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับของสินค้าของเราให้กับโรงงาน หากเจอโรงงานที่ไม่มีจริยธรรม คุณอาจจะโดนโรงงานเลียนแบบสินค้าและนำไปผลิตเองได้
- ตรวจสอบระยะเวลาดำเนินกิจการของโรงงาน ยิ่งมีระยะเวลานานก็จะเป็นตัวการันตีได้ว่าโรงงานนั้นมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้า
หากคุณมีสินค้าอยู่ในใจแล้วก็เริ่มต้นวางแผนการทำธุรกิจกันได้เลย แต่ต้องบอกเลยว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ได้สบายเหมือนกับที่หลาย ๆ คนคิด บางคนอยากมาทำธุรกิจส่วนตัวเพราะคิดว่าสบาย จะทำงานตอนไหนก็ได้ มีอิสระในการใช้ชีวิต แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลยเจ้าของธุรกิจต้องทำงานหนักกว่าลูกน้องหลายเท่า บางคนก็ทำงานทั้งวันทั้งคืนแถมยังต้องแบกรับความเสี่ยงอีกมากมายที่พนักงานบริษัทไม่ต้องแบกรับในส่วนนี้ แต่ทั้งนี้การวางแผนธุรกิจที่ดีและคิดทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอนก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณของได้ หากคุณพร้อมที่จะเป็นเจ้าของแบรนด์แล้ว อย่ารอช้า ลงมือทำได้เลย!
อ้างอิง :